ผี

   ความเชื่อเรื่องของผีเป็นความเชื่อดั้งเดิมของคนเรามาแต่เนิ่นนานทุกชาติทุกเผ่าพันธุ์ ตั้งแต่ก่อนจะมีศาสนา แม้ปัจจุบันนี้ ความเชื่อเรื่องผีจะเลือนหายไปบ้างแล้ว แต่ก็มีผู้คนส่วนมากที่เชื่อในเรื่องผีและสิ่งลี้ลับแม้ในประเทศที่เจริญแล้วก็ตาม  ตั้งแต่เด็กจนตายเราใช้ชีวิตผูกผันและวนเวียนกับเรื่องของผีทั้งสิ้น ผีนั้นมีทั้งให้คุณและโทษซึ่งจะต่างกรรมต่างวาระ คือบรรพบุรุษที่คอยคุ้มครองดูแล แต่ถ้าไม่เคารพไม่บูชา ไม่เซ่นสวรวง ก็อาจให้โทษได้เช่นกัน เช่น ผีบ้านผีเรือน เป็นต้น ส่วนผีร้าย คือ ผีที่คอยรังควาญ ไม่มีประโยชน์ เช่น ผีปอบ ผีกระสือ เป็นต้น 

ผีบ้านผีเรือน
เทคนิค : ดินสอบนกระดาษแต่งภาพ Photoshop


          ผีอาจจะมีมาได้ในหลายลักษณะ แต่ส่วนมากมักจะปรากฏในรูปของอดีตมนุษย์ หรือมีลักษณะบางส่วนที่ค่อนข้างคล้ายกับมนุษย์ ผู้ประสบเหตุการณ์เช่นนี้มักมีความกลัวที่ฝังใจ และเชื่อว่าการที่เจอผีนี้ จำเป็นที่จะต้องทำพิธีกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อความสบายใจ หรือเพื่อความปลอดภัย เช่น การกรวดน้ำ ทำพิธีสะเดาะห์เคราะห์ ทำบุญอุทิศส่วนกุศล ทำพิธีส่งวิญญาณ ฯลฯ ตามแต่ความเชื่อของแต่ละท้องที่ หรือ แต่ละบุคคล   



ได้มีนักวิทยาศาสตร์ชื่อ โดนัลด์ จี คาร์เพนเตอร์ (Dr. Donald G. Carpenter) ศึกษาสิ่งที่เรียกว่าผีจากรายงานทั่วโลกและได้ข้อสรุปทางฟิสิกส์ต่าง ๆ ดังนี้


นิยามของคำว่าผี


1. ผีอยู่ภายใต้กฏของฟิสิกส์


2. ผีไม่ใช่เรื่องมายากล ไม่ใช่ปาฎิหาริย์ และไม่ใช้เรื่องนอกเหนือกฎธรรมชาติข้อใด ๆ ทั้งสิ้น (ตามที่สันนิษฐานไว้ในข้อ 1.)


3. ผี (Ghost), การหลอกหลอน (poltergeist), วิญญาณ (Soul) ล้วนเกิดขึ้นมาจากสาเหตุเดียวกัน แต่เป็นปรากฏการณ์ในรูปแบบต่างกัน


4. ผี (จากกฎข้อ 1 แล้ว) นับเป็น "สิ่งที่มีตัวตน" ควรจะมีคุณลักษณะคล้ายคลึงกันโดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นผีตามความเชื่อของชนชาติใด ๆ ก็ตาม


5. ในการปรากฏกายของผีโดยเฉลี่ยแล้ว "ร่าง" ของผีจะกินเนื้อที่เป็นปริมาณ ประมาณ 0.07 ลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นปริมาตรเฉลี่ยเท่ากับคนธรรมดาที่มีน้ำหนักตัวประมาณ 70 กิโลกรัม


ข้อมูลจาก : วิกิพีเดีย





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้