วิญญาณมีจริงหรือ


วิญญาณมีจริงหรือ 


ผลงานศิลปะ เทคนิค สื่อผสม
ผลงานของ แดงบัวแสน สื่อถึงความผูกพันกันของโลกมนุษย์และโลกวิญญาณ



 ศาสนาพราหมณ์ถือว่า ในตัวคนเรามี “วิญญาณ” อันถาวรซึ่งเป็นตัวตนแท้ เป็นผู้พูด ผู้ทำ ผู้รู้ ผู้เสวยผลกรรม ผู้เกิดในภพใหม่ ในเรื่องนี้ พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้อย่างไร ? 

พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนโมฆบุรุษ เธอรู้ธรรมอย่างนี้ที่เราแสดงแก่ใครเล่า ดูก่อนโมฆบุรุษ วิญญาณอาศัยปัจจัยประชุมกันเกิดขึ้น เรากล่าวโดยปริยายเห็นอเนกมิใช่หรือ ความเกิดแห่งวิญญาณ เว้นจากปัจจัยมิได้มี ดูก่อนโมฆบุรุษ ก็เมื่อเป็นดังนั้น เธอกล่าวตู่เราด้วย ขุดตนเสียด้วย จะประสบบาปมิใช่บุญมากด้วย เพราะทิฐิที่ตนถือชั่วแล้ว ดูก่อนโมฆบุรุษ ความเห็นของเธอจักเป็นไปเพื่อโทษไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน 
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย วิญญาณอาศัยปัจจัยใด ๆ เกิดขึ้น ก็ถึงความนับ (เรียกชื่อ) ด้วยปัจจัยนั้น ๆ วิญญาณอาศัยจักษุและรูปเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่าจักขวิญญาณ วิญญาณอาศัยโสตและเสียงเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่าโสตวิญญาณ วิญญาณอาศัยฆานะ และกลิ่นเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่าฆานวิญญาณ วิญญาณอาศัยชิวหาและรสเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่าชิวหาวิญญาณ วสิญญาณอาศัยมนะและธรรมารมณ์เกิดขึ้น ก็เรียกว่ามโนวิญญาณ เปรียบเหมือนไฟอาศัยเชื้อใด ๆ ติดขึ้น ก็ถึงความนับด้วยเชื้อนั้น ๆ ไฟอาศัยไม้ติดขึ้น ก็ถึงความนับว่าไฟไม้ ไฟอาศัยป่าติดขึ้น ก็ถึงความนับว่าไฟป่า ไฟอาศัยหญ้าติดขึ้น ก็ถึงความนับว่าไฟหญ้า ไฟอาศัยมูลโคติดขึ้น ก็ถือความนับว่าไฟโคมัย ไฟอาศัยแกลบติดขึ้น ก็ถึงความนับว่าไฟแกลบ ไฟอาศัยหยากเยื่อติดขึ้น ก็ถึงความนับว่าไฟหยากเยื่อ ฉันใดดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกันและวิญญาณอาศัยปัจจัยใด ๆ เกิดขึ้น ก็ถึงความนับด้วยปัจจัยนั้น ๆ ” 

มหาตัณหาสังขยสูตร มู. ม. (๔๔๓) 
ตบ. ๑๒ : ๔๗๖-๔๗๗ ตท.๑๒ : ๓๘๗-๓๘๘ 
ตอ. MLS. I : ๓๑๔-๓๑๕



เขาเป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกับเรา เพียงแต่ อยู่ในระดับมิติที่ต่างกัน เขตเวลาเองก็ต่างกัน

เราเรียกว่า "ผี" เพราะเราเห็นว่าเค้าเป็นของแปลก แต่เค้า ก็มีอยู่

ในแต่ละหนึ่งจักรวาล จะมีมิติที่"จิต" สามารถปฏิสนธิได้ อยู่ 31 ระดับ ได้แก่

อบายภูมิ 4 คือ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย และสัตว์
กามาวจรภูมิ คือ แหล่งรวมสิ่งมีชีวิตที่เสพกาม คือ เสพความสุขผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ มนุษย์ 1 และ เทวโลก 6
และ
พรหมโลก การเกิดขึ้นของสัตว์ในพรหมโลกทั้ง 20 ชั้น เกิดขึ้น แตกต่างกันตามระดับพลังของการเพ่ง

จิตที่เพ่งได้จนสมาธิชั้นสูงขึ้นไป เมื่อก่อนสิ้นชีวิต จะถูกแรงอาจนนาจสมาธิมาปฏิสนธิตามแต่ละชั้น ตามสมาธิที่คน ๆ นั้นเคยได้

วันเทโวโรหนะ พระพุทธเจ้าเปิดโลกทั้งสาม

เริ่มแรก เรามาดูที่การดำรงชีวิตของพวกเขา กันก่อน

สัตว์ในสังสารวัฏทั้งจักรวาล ตามที่ระบุไว้ในพระไตรปิฏกและอรรถกถา มีการดำรงชีวิตด้วย 4 ลักษณะคือ

พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๓
ธาตุกถา-ปุคคลบัญญัติปกรณ์
จตุกกนิทเทส
[บุคคล ๔ จำพวก]


1. บุคคลดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งความหมั่น มิใช่ดำรงชีพ
อยู่ด้วยผลแห่งบุญ เป็นไฉน

- อาชีพของบุคคลใด ย่อมเจริญรุ่งเรืองเพราะความหมั่น ความขยันความเพียรพยายาม มิได้บังเกิดแต่บุญ นี้เรียกว่า บุคคลผู้ดำรงชีพ อยู่ด้วยผลแห่งความหมั่น มิใช่ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งบุญ

2. บุคคลดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งบุญ มิใช่ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งความหมั่น เป็นไฉน

- เทวดาชั้นสูงๆ ขึ้นไป ตลอดถึงเทวดาเหล่าปรนิมมิตวสวดี ชื่อว่าผู้ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งบุญ มิใช่ผู้ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งความหมั่น

3. บุคคลดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งความหมั่นด้วย ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งบุญด้วย เป็นไฉน

- อาชีพของบุคคลใด ย่อมเจริญรุ่งเรืองเพราะความหมั่น ความขยันความเพียรพยายามด้วย เพราะบุญด้วย นี้เรียกว่า บุคคลผู้ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งความหมั่นด้วย ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งบุญด้วย

4. บุคคลผู้มิใช่ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งความหมั่น ทั้งมิใช่ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งบุญด้วย เป็นไฉน

- สัตว์นรกทั้งหลาย ชื่อว่ามิใช่ผู้ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งความหมั่น ทั้งมิใช่ดำรงชีพอยู่ด้วยผลแห่งบุญด้วย



จากข้อความในพระอภิธรรมปิฏกตอนนี้ ได้แสดงให้เราเห็นว่า สัตว์เหล่านั้น หรือที่เราเรียกว่า "ผี" เหล่านั้น มีการดำรงชีวิตอยู่ จริง ด้วยเงื่อนไขบางอย่างที่ทำให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ เช่น นางไม้ ที่เราได้ยินได้ฟังกันเป็นต้น จัดเป็นสิ่งมีชีวิตในลำดับข้อที่ 2 เพราะนางไม้ จัดเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา เป็นต้น



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้