10 อันดับปริศนาโลก

เรื่องราวและเหตุการณืที่เกิดขึ้น มักมีตอนจบและบทสรุปเสมอ แต่ก็มีเรื่องราวบางเรื่องที่ยังคงเป็นปริศนาให้ค้างคาใจและไม่สามารถที่จะบทสรุปได้ จนเป็นที่กล่าวขานและพูดถึงกันจนมาถึงปัจจุบันนี้











_____________________________________________________________________



อันดับ 10 กะโหลกแก้ว 

กะโหลกแก้ว แห่งมายา Crystal skulls


ว่ากันว่ามีกะโหลกแก้วลึกลับอันทรงพลังจากอารยธรรมแห่งอดีตอยู่ 13 หัว หากใครได้ครอบครองมันทั้งหมด อาจจะสามารถเป็นเจ้าโลกได้ด้วยอำนาจอันมหัศจรรย์


อันดับ 9 ภาพลายเส้น นาซคา  

ภาพลายเส้นนาซคา

ลายเส้นพิศวงกับปริศนาจากภาพเหล่านี้ คือข้อกังขาของที่มาของเรื่องทั้งหมด รูปภาพสัตว์ขนาดใหญ่ สุนัข แมงมุม ปลาวาฬ ดอกไม้ ลิง เป็ด และนกกางปีกบนชายฝั่งทางใต้ของเปรู เป็นคำถามที่คนพื้นเมืองในอดีตสร้างขึ้นเพื่อผูกปมเรื่องให้ใคร่คิด บ้างเชื่อเรื่องทางเดินสู่แหล่งน้ำของชนเผ่าต่างๆ บ้างก็เชื่อมนุษย์ต่างดาวใช้สถานที่แห่งนี้ลงจอดยานบิน หรือมันอาจเป็นส่วนหนึ่งของปฏิทินดาราศาสตร์ที่ซับซ้อน แม้จะหาข้อสรุปไม่ได้ สมมติฐานทั้งหมดก็ช่วยให้เราสนใจภาพวาดเหล่านั้นยิ่ง ขึ้น 


อันดับ 8 สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า

สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า

นี่คือเหตุการณ์ประหลาดเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นจริงๆ บนพิภพของเรานี้ ณ บริเวณที่เรียกกันว่า "สามเหลี่ยมปิศาจ เบอร์มิวด้า" (Bermuda Triangle)...ชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันดีในปัจจุบัน เพราะมันเป็นบริเวณดินแดนอาถรรพณ์ อันเป็นที่ล่ำลือกันว่าเต็มไปด้วยความลี้ลับ มันเป็นดินแดนที่กลืนกินชีวิตมนุษย์และเรือเดินทะเลที่กลืนกินชีวิตมนุษย์และเรือเดินทะเล เครื่องบินที่โชคร้ายบังเอิญผ่านเข้าไป...ก็อาจหายสาบสูญไปอย่างไม่มีร่องรอยให้เห็นอีกเลย


อันดับ 7 หีบพระบัญญัติศักดิ์สิทธิ์  

หีบพระบัญญัติสักดิ์สิทธิ์

คำตอบกับการเปิดทางสู่โลกพระเจ้า การค้นคว้าทางศาสนาครั้งยิ่งใหญ่ ปริศนาศิลาจารึกที่อยู่ข้างในหีบพระบัญญัติ คือ เครื่องมือติดต่อถึงพระเจ้าโดยตรง คำสอนศาสนา หีบทองคำ วัตถุศักดิ์สิทธิ์ ที่องค์พระศาสดาตระหนักรู้ อาจรอคอยช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเปิดเผย แต่ยังไม่ใช่ในตอนนี้


อันดับ 6 โอเรกอน วอร์เท็กซ์ ( The Oregon Vortex)

โอเรกอน วอร์เท็กซ์

โอเรกอน วอร์เท็กซ์ เป็นสถาที่ที่ว่ากันว่า มีพลังงานแม่เหล็กของโลกผิดปกติ ทำให้เกิดภาพลวงตาที่หักเหของแสง รวมถึงแรงโน้มถ่วงที่ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง เช่นเอาลูกบอลกลิ้งไปยังรางไม้ที่ลาดชัน แทนที่เจ้าลูกบอลจะกลิ้งลงไปกลับกลายเป็นกลิ้งย้อนกลับขึ้นมาสวนกับความชันเป็นที่น่าแปลกใจต่อผู้พบเห็น

โดยเฉพาะ คนส่วนสูงก็จะดูผิดเพี้ยน ซ้ำภาพที่เห็นยังหักเหดูเอียงกว่าความเป็นจริง เป็นความลึกลับและมนต์เสน่ห์ ของสถานที่แห่งนี้ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาพิสูจน์จำนวนมาก


 อันดับ 5 นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน

นักฆ่ารัดคอแห่งบอสตัน

ช่วง ปี 1960 ที่อเมริกา ได้มีฆาตกรต่อเนื่องก่อคดีฆ่ารัดคอผู้หญิงในบอสตัน ฆ่าไปมากค่ะ ไม่เว้นว่าสาวหรือแก่ ผิวขาวหรือดำ ต่อมา ชายชื่อ อัลเบิร์ต เดอ ซัลโวผู้ซึ่งถูกดำเนินคดีด้วยข้อหาเล็กๆ กลับสารภาพว่า ตนคือฆาตกร 

เขา สารภาพว่าทำเองครับ ฆ่าหญิงเหล่านั้น เขาให้การว่าทำการฆ่าข่มขืน กระทำชำเราหญิงอย่างไรบ้าง มันก็น่าจะลงตัวที่เขาทำ หากแต่ ... จากคำให้การแล้ว มีหลายอย่างที่ไม่ได้ตรงกับความจริง เช่น เขาให้การว่าข่มขืนหญิงรายหนึ่ง มีการทำจนเสร็จกามกิจ ... แต่จากร่องรอย ศพของหญิงคนนั้นไม่มีคราบอสุจิใดๆ ทั้งสิ้น 
มันยังไงกันแน่ ... มีบางคนกล่าวว่า ที่อัลเบิร์ต เดอ ซัลโวให้การนั้นเขากำลังจะบอกว่าใครคือฆาตกรต่างหาก เขาอาจจะโดนบังคับให้สารภาพจากฆาตกรตัวจริง และแม้หากเป็นเช่นนั้น เราก็ไม่อาจทราบ เพราะ 4 ปี หลังจากสารภาพ ... เขาถูกแทงตายในคุกและความจริงก็ตายไปกับเขาด้วย


อันดับ 4  สัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาปล็อกเนส

เนสซี่ คือชื่อเรียกของเจ้าสัตว์ประหลาดนั้น

UMA ชื่อดังระดับโลกของทะเลสาบเนส เป็นตำนานเก่าแก่..ช่วงยุค ค.ศ. 565 มีบันทึกเอาไว้ว่ามีสัตว์ประหลาดที่โผล่ขึ้นมาจากทะเลสาบ บุกเข้าทำลายหมูบ้านที่อยู่ติดทะเลสาบ .. แต่ในที่สุดก็ถูกสาสนาจารย์โคลอมบ้ารวบรวมลูกศิษย์กว่า 20 คนข้ามจากไอร์แลนด์มายังสก็อตแลนด์ไล่กลับลงทะเลสาบเนสไปได้สำเร็จ .. ปราสาทอาร์การ์ดซึ่งสร้างยื่นเข้าไปในทะเลสาบเนสก็มีตำนานว่า  เจ้าตัวประหลาดตัวนี้แปลงร่างเป็นเจ้าชายรูปงาม ล่อลวงเอามาการ์เร็ต ลูกสาวของเคาท์อาร์การ์ดหายไป ค.ศ. 1933 ด้านเหนือของทะเลสาบมีการตัดทางหลวงหมายเลข A82  ก็เลยทำให้มีผู้พบเห็นเนสซีบ่อยๆ มีกระทั่งคนที่พบเนสซีขึ้นมานอนอาบแดดบนทางหลวง  แสดงว่าเดียวนี้เนสซียังโผล่ขึ้นมาบนฝั่ง.. ปี ค.ศ. 1975 มีการสำรวจใต้นํ้าได้ภาพถ่ายของมันออกมา.. มีเท้าเป็นครีบไว้กวาดนํ้า คอยาว  หัวเล็ก ( มีเขาเหมือนยีราฟ )

เนสซี (อังกฤษ: Nessie) หรือ สัตว์ประหลาดล็อกเนสส์ (อังกฤษ: Loch Ness Monster) คือสิ่งมีชีวิตลึกลับชนิดหนึ่งที่เชื่อว่าอาศัยอยู่ในทะเลสาบล็อกเนสส์ แคว้นสกอตแลนด์

 เชื่อว่าเนสซีมีรูปร่างคล้ายเพลสสิโอซอรัส (Plesiosaurus) หรือ อีลาสโมซอรัส (Elasmosaurus) สัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยในทะเลยุคเดียวกับไดโนเสาร์ มีผู้อ้างว่าเคยพบเห็นถึงปัจจุบันกว่า 4,000 ครั้ง และมีรูปถ่ายทั้งภาพนิ่งและภาพยนตร์มากมาย โดยเอกสารแรกสุดที่กล่าวถึงเนสซี คือ บันทึกของบาทหลวงเซนต์โคลัมบา เมื่อราว 1,400 ปี ที่แล้ว กล่าวถึงมังกรที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ และท่านเองก็เคยทำพิธีขับไล่มังกรตัวนี้ด้วย


อันดับ 3 ครอปเซอร์เคิล

ครอปเซอร์เคิล

ปริศนาอัศจรรย์ครอปเซอร์เคิล (Crop circles)
สัญลักษณ์จากห้วงจักรวาล 
ปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นจริงในหลายๆประเทศทางแถบยุโรป และที่ต่างๆทั่วโลก ปัจจุบันนี้มีการรายงานการเกิด Crop circles ใน 29 ประเทศ เป็นปรากฏการณ์ที่ถือว่าไม่ธรรมดามากๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านรูปแบบ วิธีการ ขนาด ระยะเวลาการเกิด และผู้สร้าง ล้วนเป็นความลับ ให้บรรดานักวิทยาศาสตร์ และนักคาดเดาต่างต้องทำงานกันอย่างหนัก แต่ก็ดูเหมือนจะยังไม่ใกล้ความเป็นจริง ที่จะเฉลยปริศนานี้ได้ 

Crop circles (ครอปเซอร์เคิล) เกิดเป็นรูปร่างโดยธัญพืชที่มีแปลงเพาะปลูกขนาดใหญ่นั้น ได้ล้มลงเป็นจำนวนมาก เกิดลวดลายขึ้น ตัดกับส่วนที่ยังตั้งอยู่ จึงเห็นเป็นลวดลายชัดเจน โดยมีรูปทรงเรขาคณิตที่ซับซ้อน สวยงาม เป็นระเบียบ ส่วนใหญ่มีวงกลมเป็นหลัก และประกอบด้วยรูปทรงเรขาคณิตอีกหลากหลาย และมีขนาดใหญ่มาก ไม่สามารถมองดูได้จากพื้นดินธรรมดา แต่เมื่อมองจากมุมสูงจึงจะเห็นเป็นลวดลายชัดเจน เป็นลักษณะของสัญลักษณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ โดยเฉพาะมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น การสร้างจึงต้องใช้เทคนิคและเทคโนโลยี่ขั้นสูงมากๆ จึงจะสามารถทำได้ ดังนั้นจึงมีคำถามว่า คือ ใครเป็นคนทำ ทำได้อย่างไร ใช้อะไรในการทำ และทำเพื่ออะไร


อันดับ 2 ยักษ์แห่งเกาะอีสเตอร์

ยักษ์แห่งเกาะอีสเตอร์

ยักษ์แห่งเกาะอีสเตอร์ 
เดินทางมาสัมผัสเกาะปริศนาที่โดดเดี่ยว เวิ้งว้างกลางมหาสมุทร รูปสลักหินลึกลับขนาดมหึมากว่า 800 รูป เรียงรายเต็มฝั่งทั่วเกาะ ทั้งที่ไม่มีคนอยู่ รูปสลักนี้มาจากไหน ? สร้างขึ้นได้อย่างไร ? อาจเป็นชาวโพลีนีเชียนชนพื้นเมืองที่มาตั้งรกรากเมื่ อ ค.ศ. 400 เป็นผู้สร้างขึ้น แต่ทำไมถึงสร้าง และอยู่บริเวณนี้ได้อย่างไรยังคงเป็นปริศนาดำมืด ด้วยวิวัฒนาการความรู้ของคนในสมัยอดีต เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะยกหินที่หนักกว่า 75 ตันมาไว้ตามชายฝั่งได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ถึงกระนั้นรูปปั้นเหล่านี้ก็ยังคงถูกทิ้งไว้เพื่อค้น หาคำตอบต่อไป


อันดับ 1 แจ๊ค เดอะริปเปอร์

แจ๊ค เดอะริปเปอร์

เป็นชื่อของชายคนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์อังกฤษ ที่ชาวอังกฤษและชาวโลกรู้จักกันดี ทำไมน่ะหรือ ? ชายคนนี้เป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ก่อคดีสะเทือนขวัญมานับครั้งไม่ถ้วน กับหญิงโสเภณีในย่านสลัมของย่านลอนดอน ซึ่งผ่านมากว่าร้อยปีแล้ว และมีหนังสือที่เกี่ยวกับแจ๊คออกมามากมาย ไม่เท่านั้น เพลง , เรื่องเล่า , ละครโอเปร่า และภาพยนตร์ก็ยังเคยนำเรื่องราวของชายผู้นี้ไปสร้างกันหลายต่อหลายครั้ง นับว่า แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ เป็นอาชญากรชื่อดังแห่งยุคหรือศตวรรษนั่นเลยทีเดียว เป็นสัญญลักษณ์ของความน่ากลัวต่อชาวอังกฤษ จนถึงทุกวันนี้เมื่อนึกถึงชื่อนี้ขึ้นมา (the man should not be named รู้สึกคุ้นๆ แมะ หึ หึ) ทำไมชื่อของ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ยังคงเป็นที่จดจำกันได้จนถึงทุกวันนี้ ?

คำตอบที่น่าจะกล่าวได้คือ ชายผู้นี้ยังไม่เคยโดนจับได้เลยตั้งแต่เขาก่อคดีสะเทือนขวัญผู้คนในลอนดอนมา ทั้งยังการฆ่าที่โหดเหี้ยมและน่าสยดสยอง ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าเหยื่อโดยการผ่าท้อง และลากเอาไส้มาขวัญไว้ที่เสาไฟฟ้า การแขวนศพเหยื่อไว้บนกำแพง ฯลฯ (น่ากลัวไป อิอิ เอาแค่นี้พอ) และที่สำคัญไม่มีข่าวรายงานเลยว่ามีคนที่เคยเห็นหน้าแจ๊คด้วยซ้ำไป กระทั่งผู้ที่อาศัยอยู่ละแวกใกล้ๆ แม้แต่ตอนที่แจ๊คลงมือยังแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรที่ผิดปกติเลย โดยเหยื่อนั้นเสียชีวิตจากการถูกของมีคมแทงหรือไม่ก็ชำแหละ คมมากจนถึงขนาดตัดกระดูกออกมาได้ บ้างก็กล่าวว่าแจ๊คนั้นเป็นหมอผ่าตัดบ้าง คนชำแหละเนื้อบ้าง และหักอกจากหญิงคนรักที่เป็นโสเภณี หรือเพียงผู้หญิงธรรมดา บ้างก็ว่าลูกชายของแจ๊คนั้นโดยโสเภณีหลอกจนกระทั่งต้องฆ่าตัวตาย เลยเป็นเหตุให้เขาก่อคดีเหล่านี้ คดีฆาตกรรมที่แก้ไม่ได้ของแจ๊คเดอะ ริปเปอร์ ทำเอาตำรวจทั้งลอนดอนปวดหัวเป็นการใหญ่ และพยายามสืบหาว่าเขาเป็นใครและทำการฆาตกรรมต่อหญิงโสเภณีไปเพื่ออะไร จนถึงทุกวันนี้ก็ยังมีการตั้งสมมติฐานและสืบจากหลักฐานที่บันทึกไว้อยู่ แต่ก็ยังไม่ได้เรื่องราวคืบหน้าอะไร

ตำนานเรื่องราวที่น่ากลัวนั้นเริ่มจากคืนหนึ่งในกรุงลอนดอน อากาศหนาวและหมอกลงหนาจัด จนกระทั่งมีชายคนหนึ่งเดินแหวกสายหมอกออกมา พร้อมกับหญิงโสเภณีคนหนึ่ง โดยไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นจะไม่มีโอกาสได้เห็นพรุ่งนี้อีกแล้วเมื่อมาอยู่ในอุ้งมือมัจจุราชของชายที่มาด้วยกัน เมื่อถึงที่ลับตาคน แจ๊คก็เริ่มฆ่าเหยื่ออย่างรวดเร็วและเงียบกริบ และจากไปโดยไม่มีใครล่วงรู้ อย่างหนึ่งที่ตำรวจและผู้เชี่ยวชาญกล่าวไว้ว่าเหตุผลที่แจ๊คลงมือนั้น แทบจะหาประเด็นมาอธิบายไม่ได้ ชายผู้นี้ลงมือด้วยความพอใจหรือ ? ลงมือด้วยความแค้นต่อ "ใคร" หรือ "อะไร" สักอย่าง มาจนกระทั่งถึงเหยื่อรายสุดท้าย จากนั้น แจ๊คเดอะ ริปเปอร์ก็ได้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์คดีฆาตกรรมโดยไม่เหลือร่องรอยอะไรทิ้งไว้ นอกจากตำนานการฆาตกรรมสยองขวัญ ที่ยังคงเป็นที่จดจำของชาวอังกฤษมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ก็เป็นเรื่องราวโดยสังเขปของชายคนนี้ ต่อไปมาดูถึงรายละเอียดของเรื่องราวกันบ้างว่ามีที่มาที่ไปยังไง เปิดประตูห้องแห่งความสยองขวัญและตามกันมาได้เลยครับ









ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้