ตากผ้าตอนกลางคืนจะเจออาเพศ







ตากผ้าตอนกลางคืนจะเจออาเพศ
  
 การตากผ้าสมัยโบราณจะทำราวตากผ้าไว้กลางแสงแดด ผ้าที่ตากจะแห้งเร็ว คนสมัยโบราณเชื่อว่า หากปล่อยผ้าที่ตากท้งไว้นอกชายคาเรือนหลังพระอาทิตย์ตกดิน เชื่อว่า ผีจะใช้ผ้าผืนนั้นเช็ดเลือกจากปากหลังจากที่ได้กินเลือดสัตว์เลือดคนมาแล้ว ซึ่งผีที่ว่านั้นคือ "ผีกระสือ" 

"ผีกระสือ" คือผีไทยชนิดหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าสามารถถอดหัวออกมาล่องลอยพร้อมเครื่องใน มีแสงไฟส่องเอาไว้ส่องทาง ชอบกินของสกปรกและของสดคาว เมื่อกินจนอิ่มก็จะหาบ้านที่ตากผ้าเอาไว้ตอนกลางคืนเพื่อเช็ดปาก แล้วกลับเข้าร่างอย่างเดิม เจ้าของผ้าที่มีรอยเปื้อนจากปากกระสือเมื่อสวมใส่จะเกิดอาการไม่สบายบางคนถึงกับตายเลยที่เดียว

ภาพที่ร่ำลือกันว่าเป็นผีกระสือ

 ดังนั้นก่อนพระอาทิตย์ตกดิน คนสมัยก่อนจะรีบเก็บผ้าเข้ามาไว้ในเรือนก่อนถ้าผ้าซิ่น[1] ใดยังไม่แห้งจึงค่อยนำมาตากใหม่ในวันรุ่งขึ้น 

    อุบายโบราณนั้น หลายครั้งเรานึกดูถูกอยู่ในใจว่าเก่าแก่เหลือเกิน แต่ถ้าใช้ปัญญาในทางกว้างและมองลึกซึ่งลงไปมักพบมีภูมิปัญญาชาวบ้านที่อธิบายได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ซ่อนเร้นอยู่ทั้งสิ้น รวมทั้งอุบายที่ห้ามขาดมาแต่ครั้งโบราณว่า จงอย่าตากผ้าข้ามคืนหรือในเวลากลางคืน 

    เหตุผลที่๑ คือการป้องกันไม่ให้ผ้าเปื่อย ผ้าสมัยก่อนเป็นผ้าทอมาจากฝ้ายเกือบทั้งนั้น ตกกลางคืนเมื่อสัมผัสกับน้ำค้างที่มีความเค็มสูง ผ้าจะเปื่อยเร็วกว่าปกติ 

    เหตุผลที่๒ คือเมื่อเราตากผ้าไว้ในราว ลมจะพัดจนผ้าพลิ้วปลิวไปมา สัตว์เลี้ยงของเราโดยเฉพาะหมาก็กระโดดกัดเอาผ้าลงมาเล่น จนผ้าขาดเสียหาย 

    เหตุผลที่ ๓ คือราวตากผ้ามักจะหลบอยู่หลังบ้านหรือในซอกในหลืบ ในเวลามืดค่ำก็เสี่ยงต่องูเงี้ยวเขี้ยวขอที่ไปแอบซ่อนตัวอยู่ ก็เลยห้ามรวมเสียเลยว่าห้ามตากผ้าข้ามคืนหรือกลางคืน 


ทางภาคเหนือก็มีความเชื่อที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งเป็นข้อห้ามของหญิงล้านนาในการดูแลตัวเองหลังคลอด 

การซักและตากผ้าอ้อม


          การซักผ้าอ้อมสมัยก่อน มักจะซักตามแม่น้ำลำคลอง ดังนั้นผู้ที่ซักต้องระวังอย่าให้ผ้าอ้อมขาดหายจากจำนวนที่นำไปซัก ถ้าทำตกหรือทำหาย เด็กเจ้าของผ้าอ้อมจะร้องไห้ในเวลากลางคืน ไม่เป็นอันหลับอันนอน คงเกี่ยวด้วยเรื่องผีที่ไปทำอะไรต่อ ผ้าอ้อมที่หายไปนั้น เมื่อรู้ว่าขาดหายไปผู้ซักจะตามหาให้พบ 

การตากผ้าอ้อมเมื่อแห้งแล้วจะต้องเก็บแต่วันอย่าให้ค่ำมืด ไม่ควร ทิ้งไว้จนแสงตะวันส่อง "ขี้หม่า" ขี้หม่า คือน้ำครำที่ขังอยู่ใต้ถุนตรงครัวไฟ (น้ำโสโครก) โดยทั่วไปจะอยู่ทางทิศตะวันตกของเรือน เมื่อแสงตะวันส่องขี้หม่า แสดงว่าใกล้จะค่ำแล้ว ถ้าตากผ้าอ้อมไว้จนถึงมืดหรือตากไว้ค้างคืน

 เชื่อว่านกเค้าและผีกะจะมาเอาขวัญ เด็กที่ติดและผูกพันอยู่กับผ้าอ้อม หรือพวกผีกะจะมาเลียผ้าอ้อม บางแห่งก็ว่าเมื่อผีได้กินเลือดหรือกินสิ่งสกปรกในเวลากลางคืนแล้ว จะเอาผ้าอ้อมที่ตากค้างคืนไว้เช็ดปาก ถ้าดูตอนเช้ามักจะเห็นรอยเป็นวงๆ ที่ผ้าอ้อมเหล่านั้น 

ดังนั้นถ้าปล่อยผ้าตากค้างคืนไว้ ทำให้เด็กร้องไห้ในเวลากลางคืน ความจริงการห้ามตากผ้าค้างคืนเป็นการดี เพราะผ้าจะได้ไม่ถูกน้ำค้างตอนกลางคืน

 ____________________________________________

[1] ซิ่น เป็นผ้านุ่งของผู้หญิง มีลักษณะที่แตกต่างกันไปตามท้องถิ่น ทั้งขนาด การนุ่ง และลวดลายบนผืนผ้า
ผ้าซิ่นนับเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของหญิงไทย ในสมัยโบราณ การทอผ้าเป็นงานในบ้าน ลูกผู้หญิงมีหน้าที่ทอผ้า แม่จะสั่งสอนให้ลูกสาวฝึกทอผ้าจนชำนาญ แล้วทอผ้าผืนงามสำหรับใช้ในโอกาสพิเศษ เช่น งานแต่งงาน งานบวช หรืองานบุญประเพณีต่างๆ การนุ่งผ้าซิ่นของผู้หญิงจึงเป็นเหมือนการแสดงฝีมือของตนให้ปรากฏ ผ้าซิ่นที่ทอได้สวยงาม มีฝีมือดี จะเป็นที่กล่าวขวัญและชื่นชมอย่างกว้างขวาง
ผ้าซิ่นของไทยมักจะแบ่งได้เป็นสองลักษณะ อย่างแรกคือ ผ้าซิ่นสำหรับใช้ทั่วไป มักจะไม่มีลวดลาย ทอด้วยผ้าฝ้าย หรือด้ายโรงงาน (ในสมัยหลัง) อาจใส่ลวดลายบ้างเล็กๆ น้อยๆ ในเนื้อผ้า อีกอย่างหนึ่ง คือผ้าซิ่นสำหรับใช้ในโอกาสพิเศษ มักจะทอด้วยความประณีตเป็นพิเศษ มีการใส่ลวดลาย สีสันงดงาม และใช้เวลาทอนานนับแรมเดือน
ขนาดและลักษณะของผ้าซิ่นนั้น ขึ้นกับฝีมือ รสนิยม ขนบการทอในแต่ละท้องถิ่น และยังขึ้นกับขนาดของกี่ทอด้วย การทอผ้าด้วยกี่หน้าแคบ จะได้ผ้าที่แคบ ผ้าซิ่นสำหรับใช้จริงจึงต้องนำมาต่อเป็นผืนให้กว้างขึ้น อย่างไรก็ตาม ผ้าซิ่นในปัจจุบันจะทอด้วยกี่หน้ากว้าง ไม่ต้องต่อผืนอย่างในสมัยโบราณอีกต่อไป

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้