เสือสมิง







 เรื่องราวลี้ลับหลายเรื่อง ถูกเล่าขานผ่านการเวลา จนเรียกกันว่าเป็นตำนาน ซึ่งไม่อาจฟันธงได้ว่า เรื่องราวเหล่านั้นเป็นเรื่องจริงมากน้อยแค่ไหน หรือถูกแต่งเติมอะไรมาบ้างแล้วจากเวลาที่ล่วงเลยมา หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องราวของ “เสือสมิง” ซึ่งเป็นตำนานของเสือ ที่ดุร้าย ชอบจับคนกินเป็นอาหาร และเมื่อเสือกินคนเข้าไปมาก ๆ วิญญาณของคนเหล่านั้น ก็สิงอยู่ในกายเสือ ทำให้เสือตัวนั้นมีความอาถรรพ์กว่าเสือธรรมดา สามารถแปลงกายเป็นคนได้ เพื่อหลอกล่อคนให้มาเป็นเหยื่อ และยิ่งเสือสมิงกินคนเข้าไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีฤทธิ์มากขึ้นทวีคูณ 



       นั่นเป็นเพียงเรื่องราวคร่าว ๆ ที่มักได้ยินได้ฟังกัน แต่ยังมีอีกเรื่องราวหนึ่ง เกี่ยวกับการเกิด "เสือสมิง" ที่ไม่ใช่แค่เสือดุร้ายมากินคนแล้วกลายเป็นเสือสมิง แต่เป็นเรื่องของไสยศาสตร์ นั่นก็คือ ผู้ที่มีวิชาอาคมที่เรียกว่า “วิชาเสือ”เรียกเอาวิญญาณของเสือมาสิงในตัวเองผนวกเข้ากับการที่บุคคลผู้นั้น เรียนอาคมทางเดรัชฉานวิชาด้วย เมื่อนานเข้า ทั้งวิชาเรียกเสือและอาคม ทำให้ผู้นั้น กลายเป็นเสือสมิง
และยิ่งถ้าหากเสือตนนี้ได้ไปกินคนเข้า ก็จะกลายเป็นเสือสมิงโดยสมบูรณ์

       มีเรื่องเล่าขานและค่อนข้างดังมาก เมื่อประมาณ 30 กว่าปีที่แล้ว และดูเหมือนว่า กลายเป็นข่าวลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ของประเทศว่า..มีชาวบ้านทางภาคเหนือได้รับความเดือดร้อนที่ว่า มีเสือตัวใหญ่เข้าไปทำร้ายคนในหมู่บ้านแห่งหนึ่งนั้น เป็นที่หวาดกลัวแก่ชาวบ้านจึงได้ไปขอความคุ้มครองจากทหารหน่วย ตชด. เพื่อเข้ามาดูแลความปลอดภัยภายในหมู่บ้าน ฝ่ายทหารหน่วย ตชด. จึงส่งกำลังเข้าไปคุ้มครองและได้ล่าเสือตัวนั่นไปในตัว



       กลางดึกคืนหนึ่งนั้น ฝ่าย ตชด. ได้จัดกำลังตรวจตราหน่วยหนึ่ง และส่วนที่เหลือก็เข้าที่พัก บนศาลาที่จัดกันไว้ เป็นที่พักผ่อนนอนหลับ และในตอนดึกคืนนั้น ศาลาที่หน่วย ตชด. พัก เกิดสั่นไหวโยกเอน เมื่อทหารที่นอนตื่นกันลุกขึ้นมาดู กลับเห็นเสือโคร่งขนาดใหญ่ พิงสีตัวอยู่ที่โคนเสาศาลา ทหารกำลังหน่วยนั้น ได้ยิงใส่เสือโคร่งใหญ่นั้น ทำให้เสือตัวนั้นบาดเจ็บและหายไปในความมืด ครั้นรุ่งเช้า หน่วยทหารจึงทำการติดตามแกะรอยเลือดเสือตนนั้นไป

       จากการติดตามรอยเลือดนั้น ผลปรากฏว่า รอยเลือดนั้นไปสิ้นสุดที่หลุมเนินดินแห่งหนึ่ง แล้วไม่ปรากฏรอยเลือดนั้นไปทางไหนอีก ทหารที่ติดตามนั้น เห็นเนินดินแล้วจึงตัดสินใจในความสงสัยกันบางอย่าง จึงขุดหลุมเปิดเนินดินนั้น เมื่อขุดลงไปลึกพอประมาณก็ต้องอึ้งกันไปทั้งหมด เพราะสิ่งที่เห็นในหลุมนั้น ปรากฏว่า เป็นศพผู้ชายคนหนึ่งแต่ตัวท่อนล่างนั้น เป็นสภาพของเสือลายพาดกลอน ดูเหมือนว่าเป็นการกลายร่างจากเสือเป็นคนที่ยังไม่สมบูรณ์นั้นเอง จากการถามที่มาของศพชายผู้นี้ ได้ความว่า เป็นคนในหมู่บ้านย่านนั้นและสาเหตุที่ตายเพราะผิดผีจึงตาย ประเด็นน่าสนใจอยู่ที่ว่า ชายผู้นี้ผิดผีอะไร อย่างไร ซึ่งหนังสือนั้นมิได้กล่าวถึงจึงยากต่อการวิเคราะห์ได้


 อีกหนึ่งเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "เสือสมิง" จากอดีตเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ชื่อว่า ลุงทอง ปัจจุบันเกษียณแล้ว เรื่องราวมีอยู่ว่า มีอยู่ปีหนึ่ง เขาได้ลาพักร้อน 3 วัน เพื่อพักผ่อน แต่การพักผ่อนครั้งนั้น เขาตั้งใจว่าจะไปนั่งห้างที่ทุ่งใหญ่นเรศวร เพื่อดูสัตว์ป่ามากินดินโป่งตอนกลางคืน บรรยากาศดี เย็นสบาย ก่อนจะเข้าป่าครั้งนั้น ได้สั่งภรรยาไว้ว่า...

“ไม่ต้องเข้าไปตามนะ พี่จะเข้าป่า อีก 3 วันพี่จะกลับออกมา” 

หลังจากนั้น เขาก็ได้เตรียมสัมภาระที่จำเป็นในการเข้าป่า เขาเล่าว่า เดินเข้าไปลึกมาก พอถึงห้างที่จะพำนัก เพื่อดูสัตว์ในเวลากลางคืน คืนแรกผ่านไปบรรยากาศดีมาก ลมเย็นสบาย เห็น หมูป่า ตัวหัวหน้า
พร้อมหมูตัวเมียแวดล้อมออกมาหาดินโป่งกินตอนกลางคืน ทุ่งใหญ่นเรศวรสมัยนั้น สัตว์ป่าชุกชมมาก ถือเป็นป่าใหญ่ก็ว่าได้

       พอถึงวันที่ 2 ตกกลางคืน เขาก็ขึ้นไปนั่งบนห้างเช่นเคย คืนนี้แปลก ฟ้ามืดสนิท ไม่มีดาว ไม่มีแสงจันทร์ ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบผิดปกติและแล้วเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดิน เขาตั้งใจฟัง ใจนึกว่า ใครหนอกล้าหาญมาก มาเดินป่าตอนกลางคืน จากนั้นเขาก็ได้ยินเหมือนเสียงเมียตัวเองเรียก

 “พี่ทอง พี่ทอง นี่ฉันเอง” 

เขามองลงไป เห็นเมีย ถือตะเกียงเจ้าพายุ มายืนอยู่บอกว่า ลูกไม่สบาย ตัวร้อนจัด ฉันทำอะไรไม่ถูกเลยมาตามพี่ พอเห็นเมียเขาก็ทำท่าจะลงจากนั่งห้างไปหาเมีย แต่ก็เอะใจขึ้นมาว่า...

ทำไม.. ภรรยาถึงรู้ว่าเราอยู่ตรงนี้, ทำไมถึงกล้าหาญมาในป่าลึกกลางคืน โดยไม่กลัวสิงสาราสัตว์เลย, เวลาคุย จะพยายามหลบสายตาไม่ยอมสบตาเราตรง ๆ, ตะเกียงเจ้าพายุ หากมาจากบ้านน้ำมันตะเกียงน่าจะหมด แต่ทำไมถึงสว่างอยู่ได้ และในมือก็ไม่มีสัมภาระมาเลยมาในชุดคอกระเช้าและผ้าถุง ซึ่งเป็นชุดอยู่บ้าน



       เขาตัดสินใจ หันปากกระบอกปืนส่งให้เมีย และพูดว่า “รับปืนพี่ที พี่จะลงไปแล้ว” พอเมียตัดสินใจยื่นมือจะรับกระบอกปืนเขาก็ลั่นไกปืนยิงทันที่ เสียงปืนดังสนั่น ท่ามกลางความเงียบในคืนราตรีคืนนั้น มีเสียงเสือคำราม และพุ่งพรวดด้วยความเร็วออกไปทางด้านทิศตะวันตก ซึ่งเป็นแนวป่าลึกเข้าไปอีก เขาตกใจมาก ๆ เสือสมิง เหลือเชื่อมาก เสือสมิงมีจริงด้วยหรือ เห็นเป็นตำนาน แต่นี่อะไรกันและศพเมียไปไหน หรือโดนเสือกินไปแล้ว พอรุ่งเช้ารอให้ตะวันโด่ง เขาตัดสินใจกลับบ้าน แต่ยังคาใจเรื่องแปลกเมื่อคืน จึงตัดสินใจเดินลงไปในแนวป่าลึกที่มีเงาทะมึน พุ่งพรวดไปทางนั้น ไม่ไกลนัก เขาก็เห็นเสือลายพาดกลอน ขนาดใหญ่นอนตายอยู่ เห็นอย่างนั้น ก็ตัดสินใจกลับบ้านทันที

       พอถึงบ้านเห็นเมียกำลังเล่นกับลูก ก็โล่งอก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ถามเพียงว่า 3 วันนี้ไปไหนมาบ้าง เมียแกตอบว่าไม่ได้ไปไหนพี่อยู่บ้านกับลูกตลอด ลุงทอง บอกว่าเหลือเชื่อมาก ๆ ถ้าไม่เจอกับตัวจะไม่เชื่อ จากที่เคยคิดว่าเป็นตำนาน ที่ไหนได้มีจริงในโลก  เขาบอกว่า..การลั่นไกครั้งนั้น ตัดสินใจยิงที่ตะเกียงเจ้าพายุ เพราะพรานเฒ่าเคยสอนว่า เสือสมิง แปลงร่างเป็นคนได้ หากจะฆ่าให้ตาย ให้ยิงที่แสงไฟที่มันถือ ขณะแปลงร่างเป็นคน เพราะนั่นคือหัวใจของมัน



     ส่วนเรื่องของชาวกะเหรี่ยงเล่ากันว่า เสือสมิงตามความเชื่อของชาวกะเหรี่ยงเชื่อว่าเป็นเจ้าป่าเจ้าเขาหรือพระภูมิเจ้าที่ที่ดูแลรักษาปกป้องป่า จึงมีความเชื่อและข้อปฏิบัติว่า ห้ามล่าสัตว์หรือตั้งห้างบริเวณที่เป็นโป่ง ซึ่งเป็นแหล่งที่เป็นที่ชุมนุมของสัตว์ป่า และเสือสมิงมักจะแปลงตัวเป็นผู้หญิง โดยเฉพาะเป็นเมียเข้ามาตามถึงในป่าบอกว่าลูกป่วยให้กลับบ้าน เป็นต้น เมื่อคนไม่ยอมหลงกลไม่ลงไปหา ก็จะกลับมาใหม่พร้อมด้วยคนอีกสี่คนหามคานใส่ศพของลูกหรือเมียมาก็มี มีบางคนที่ยิงปืนใส่ เช้ามาเมื่อลงจากห้างพบว่ามีรอยเท้าเสือขนาดใหญ่เพ่นพ่านอยู่บริเวณนั้น และเชื่อว่าคนสี่คนที่เห็นว่าหามคานมานั้นคือขาทั้งสี่ข้างของเสือนั่นเอง

    ยังมีอีกหลายเรื่องเล่าเกี่ยวกับเสือสมิงที่ฟังได้ไม่รู้เบื่อ แต่ใน พ.ศ. นี้ ที่แม้แต่เสือตัวเป็นๆ ในป่าก็ยังหายากเรื่องราวของเสือสมิงก็ดูจะเลือนหายไป แต่เรื่องที่มักเป็นหัวข้อที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงในหมู่นักอนุรักษ์ก็คือเรื่องสถานการณ์ของเสือในประเทศไทย เพราะเสือโคร่งนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดความสมบูรณ์ของผืนป่า ดังคำกล่าวที่ว่า “เสือพีเพราะป่าปก ป่ารกเพราะเสือยัง” การมีเสือโคร่งจำนวนมากแสดงให้เห็นถึงป่าอันอุดมสมบูรณ์ โดยในปี 2555 ทางกรมอุทยานแห่งชาติให้ข้อมูลว่า คาดว่ามีจำนวนเสือโคร่งในธรรมชาติของเมืองไทยประมาณ 200-250 ตัว


    สำหรับผืนป่าที่มีเสือโคร่งอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากนั้นก็คือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและห้วยขาแข้ง ผืนป่ามรดกโลกของไทย ที่ครอบคลุมพื้นที่เขต จ.อุทัยธานี จ.ตาก และ จ.กาญจนบุรี นับเป็นป่าอนุรักษ์ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยจากการสำรวจของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งในช่วงปี 2555 ได้พบเสือโคร่งตัวเต็มวัยกว่า 70 ตัว ในจำนวนนี้เป็นเสือแม่ลูกอ่อนที่มีลูกเล็กๆ 5-6 ตัว และแต่ละตัวจะมีลูก 2-4 ตัว จึงคาดว่าป่าห้วยขาแข้งน่าจะมีเสือโคร่งอยู่ราว 85-90 ตัว เป็นอย่างน้อย
และนอกจากนั้นยังเป็นที่น่ายินดีว่า การสำรวจพื้นที่ป่าโดยรอบห้วยขาแข้ง คือบริเวณอุทยานแห่งชาติแม่วงก์และอุทยานแห่งชาติคลองลาน ซึ่งไม่มีรายงานการพบเสือโคร่งมานานแล้วนั้น พบว่าในปีที่ผ่านมาที่อุทยานแห่งชาติทั้งสองแห่งสามารถถ่ายรูปเสือโคร่งตัวเต็มวัยได้มากถึง 10 ตัว

   แต่เนื่องจากเสือนั้นเป็นสัตว์ที่มีอาณาเขตในการหากินค่อนข้างกว้าง และจะไม่หากินทับพื้นที่ซึ่งกันและกัน ดังนั้นหากพื้นที่ป่าเหลือน้อยและไม่มีสัตว์ซึ่งเป็นเหยื่อให้หากิน ดังที่เป็นประเด็นถกเถียงกันในเรื่องการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ซึ่งนักอนุรักษ์หลายๆ คนเชื่อว่าจะกระทบต่อระบบนิเวศของผืนป่ามรดกโลกและป่าบริเวณใกล้เคียงกัน ยังไม่พูดถึงเสือที่ถูกมนุษย์ลักลอบล่าตามใบสั่ง สาเหตุเหล่านี้ล้วนทำให้เสือในเมืองไทยลดจำนวนลง กลายเป็นสัตว์หายาก และเสือสมิงก็คงจะหายากยิ่งกว่า อาจพบได้เพียงในละครบางช่องเท่านั้นเอง


       เรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับ "เสือสมิง" เป็นเรื่องที่เล่าขานกันมาปากต่อปาก ใครที่เคยพบเห็นกับตัวก็คงยืนยันได้ว่าอาจจะมีอยู่จริงแต่คนที่ฟังเพียงเขาเล่ามา ก็มิควรปักใจ เพราะเรื่องเล่าหลายเรื่องยิ่งผ่านกาลเวลามายาวนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีสีสันเติมแต่งมากกว่าข้อมูลที่มีอยู่เดิมมากขึ้นเท่านั้น ฟังไว้เพื่อประดับความรู้ดูจะเข้าท่ากว่า และหากวันใดต้องเผชิญหน้ากับ "เสือสมิง"เข้าจริงเรื่องราวที่ฟังเขาเล่ามาก็อาจจะจำเป็นขึ้นมาในทันทีทันใดก็เป็นได้...


วัวธนู คู่ปรับตลอดกาลของ เสือสมิง


วัวธนู หรือ ควายธนู เป็นเครื่องรางของขลังอีกชนิหนึ่งของไทย ไม่พบหลักฐานที่แน่ชัดว่าเริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ วัวธนู นิยมใช้ในด้านการเฝ้ายาม หรือ บางทีก็ใช้ให้ไปทำร้ายศัตรูได้เช่นกัน มีเรื่องราวมากมายของ วัวธนู ที่มักเกี่ยวข้องกับ เสือสมิง จนกลายเป็นคู่ปรับกันตลอด เมื่อไหร่ที่พรานจะเข้าป่า นอกจากปืนคู่กาย อาหารแห้งแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ เครื่องรางของขลัง หนึ่งในนั้นก็จะมี วัวธนูอยู่ติดย่ามด้วยเสมอ เมื่อเข้าป่าได้ทำเลที่ตั้งเหมาะแล้ว พรานก็จะสร้างห้างเพื่อไว้ส่องสัตว์จากด้านบน เพื่อง่ายต่อการเล็งหาสัตว์ อีกนัยหนึ่ง คือหลีกเลี่ยงภัยจากสัตว์ล่าเนื้อด้านล่าง เมื่อสร้างห้างเสร็จแล้วพรานจะทำธุระส่วนตัวให้เสร็จสิ้นก่อนขึ้นห้าง เพราะเมื่อขึ้นห้างแล้วจะไม่ลงจากห้างจนกว่าจะเช้า ก่อนขึ้นห้างก็จะนำวัว ธนู หรือ ควาย ธนุจากย่ามมาบริกรรมคาถาก่อนวางไว้ตรงใต้ห้างเพื่อให้เฝ้ายามในช่วงค่ำคืน


มี เรื่องเล่าขานจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่เล่าสืบต่อเนื่องกันมาถึงเรื่องการต่อสู้ ของวัวธนูกับเสือสมิง 4 ตัว ว่า มีพระธุดงค์รูปหนึ่งได้ธุดงค์แสวงหาความสงบเงียบ วันหนึ่งขณะธุดงค์เข้าไปในราวป่าปราศจากบ้านเรือนของผู้คน เป็นเวลาที่ตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้าไปแล้วนั้น สิ่งหนึ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าในสายตาไกลลิบๆ คือ อุโบสถร้างกลางป่า

ระหว่าง ทางนั้นก็ได้พบกับชายชรานุ่งขาวห่มขาวคนหนึ่ง ซึ่งได้ขอติดตามพระธุดงค์ไปด้วยความห่วงใย ระหว่างเดินไปได้พบต้นไผ่ที่โน้มกิ่งลำต้นขวางทาง ชายชราได้หยิบมีดหมอจากย่ามฟันกิ่งไผ่นั้นแล้วจัดการจักเป็นตอกได้กำใหญ่ ก็เดินทางกันต่อไป แต่ขณะเดินไปชายชราก็นำตอกไผ่นั้นมาสานเป็นสิ่งหนึ่ง เมื่อสานเสร็จก็นำใส่ไว้ในย่าม จนกระทั่งเดินมาถึงอุโบสถร้าง

ที่ด้านหลังอุโบสถยังมีศาลาหลังเล็กซึ่งผุพังหลังคาโหว่ และเห็นพระภิกษุ 4 รูปชุมนุมกันอยู่ แต่ก็หาได้ทักทายกับพระธุดงค์และชายชราไม่ อีกทั้งยังก้มหน้าไม่ยอมสบสายตา แต่ที่เห็นนั้นสายตาของพระภิกษุทั้ง 4 หาเหมือนดังสายตาคนปกติไม่ ดูไปเหมือนสายตาของสัตว์ร้าย ชายชราจึงรีบนำพระธุดงค์เข้าไปในอุโบสถร้างและปิดประตูหน้าต่างลงกลอนอย่าง รีบเร่ง แล้วจึงปัดกวาดพื้นอุโบสถให้พอพักอาศัยได้ จากนั้นชายชราได้ล้วงย่ามหยิบเอาเทียนขี้ผึ้งออกมา 2 เล่ม พร้อมธูปสามดอก จุดบูชาพระรัตนตรัย และบอกให้พระธุดงค์ทำวัตรเย็น

เสร็จสิ้นแล้วชาย ชราได้นั่งจักสานตอกไผ่ของแกไปเรื่อยๆ ตรงมุมอุโบสถ จนตะวันลับฟ้าไปแล้ว ทันใดก็มีเสียงของเสือคำราม พร้อมสายลมพัดพา กลิ่นสาบลอยเข้ามา ชายชรากระซิบบอกพระธุดงค์ให้ตั้งสมาธิจิตบริกรรมพระพุทธคุณ มีสิ่งใดผิดปกติอย่าได้สนใจเป็นอันขาด เสียงของเสือนั้นดูใกล้เข้ามาจนได้ยินเสียงหายใจครืดคราด และเสียงตะกุยตะกายที่ประตูอุโบสถ จากเสียงนั้นกะประมาณอย่างน้อย 3-4 ตัว


ทัน ใดนั้นชายชราได้ผุดลุกขึ้นไปที่ประตูอุโบสถ แล้วสอดไม้ไผ่ที่สานนั้นออกไปตามรูช่องดาลอันแล้วอันเล่าจนหมด หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงของสัตว์ต่อสู้กันอย่างรุนแรง จนกระทั่งเสียงนั้นสงบนิ่งไป ครั้นรุ่งเช้าเมื่อเปิดประตูอุโบสถออกมา ปรากฏเห็นเสือโคร่ง 4 ตัว มีขนาด 6 ศอก นอนตายไส้ทะลักออกมา ชายชราได้บอกกับพระธุดงค์ว่า พระภิกษุทั้ง 4 ที่พบเมื่อเย็นวานล้วนเป็นเสือสมิงทั้งนั้น สังเกตได้ว่าที่คอยังมีผ้าเหลืองพันอยู่ทุกตัว และถ้าชายชราไม่มากับพระธุดงค์ด้วย เสือสมิงทั้ง 4 ตัว คงทำอันตรายแก่พระธุดงค์ไปแล้ว

ส่วนที่ชายชราจักสานไม้ไผ่นั้น เป็นวัวธนู

วัวธนูนั้นสร้างขึ้นจากวัตถุแต่ละชนิดได้ 3 ประเภท คือ 

1. วัวทอง เป็นวัวธนูชั้นหนึ่งสร้างขึ้นด้วยโลหะอาถรรพ์ มีตะปูตรึงโลงศพ เหล็กขนันผีตายทั้งกลม งั่ง (ตัวยาซัดทองชนิดหนึ่ง) ทองแดงเถื่อน ดีบุก ทองขวานฟ้า เงินปากผี ทองยอดนพศูล นำมาหล่อหลอมเข้าด้วยกันแล้วลงอักขระตามตำราที่บังคับ หรือหล่อเป็นโคถึกหรือกระทิงโทน

2. วัวขี้ผึ้ง เป็นวัวธนูชั้น 2 ท่านให้ใช้ขี้ผึ้งปิดหน้าผีตายโหง ผีตายทั้งกลม ผสมด้วยผมผีตายพราย ผมผีตายลอยน้ำ ตานกกด ตาแร้ง ตาชะมด กำลังวัวเถลิง เผาไฟให้ไหม้บดเป็นผงผสมกับเถ้าฟอนเจ็ดป่าช้าแล้วนำไปคลุกกับขี้ผึ้งปั้น เป็นรูปวัวหรือควายก็ได้ เสกด้วยอาการ 32 บางตำราเพิ่มคนเลี้ยง 1 คน

3. วัวไม้ไผ่ เป็นวัวธนูชั้น 3 ใช้ชั่วคราวในเวลาฉุกเฉิน ให้ใช้ไม้ไผ่ที่ขึ้นคร่อมทาง กลั้นหายใจตัดด้วย นะโม ตัสสะ กะทีเดียวให้ขาดจากกัน นำมาสานเป็นรูปหัววัว คล้ายเฉลวปักหม้อยาแผนโบราณ

กล่าว สำหรับวัวธนูนั้น มีอิทธิฤทธิ์ 108 ยอดยิ่งในโชคลาภค้าขาย เป็นเสน่ห์ เมตตามหานิยม เรียกคู่ แก้เคราะห์ร้าย เฝ้าบ้านกันขโมย ป้องกันอาถรรพ์คุ้มครองบ้าน ป้องกันปราบปรามภูตผีปีศาจ คุณไสยมนต์ดำ สรรพคุณล้ำเลิศไม่มีภัยอันตรายใดๆ จะกล้ำกรายได้เลย
_________________________________________

สมิง มาจากภาษาตะเลง หมายถึง พระเจ้าแผ่นดิน, เจ้าเมือง, ผู้ปกครอง, ผู้เป็นใหญ่, เจ้า ฯลฯ โดยอาจหมายถึง

เสือสมิง, เสือที่เชื่อว่า เดิมเป็นคนที่มีวิชาอาคมแก่กล้า แล้วต่อมาสามารถจำแลงร่างเป็นเสือได้ หรือเสือที่กินคนมาก ๆ เข้า เชื่อกันว่า วิญญาณคนตายเข้าสิง ต่อมาสามารถจำแลงร่างเป็นคนได้ เรียกว่า เสือสมิง

สมิงพราย, เจ้าแห่งผี เช่น ปู่เจ้าสมิงพราย ในเรื่องพระลอ

สมิงทะเลปากดำ, งูทะเลมีพิษ ชนิด Laticauda laticaudata ในวงศ์ Hydrophiidae พบได้ในประเทศไทย

สมิงทะเลปากเหลือง, งูทะเลมีพิษ ชนิด Laticauda colubrina ในวงศ์ Hydrophiidae พบได้ในประเทศไทย

สมิง (ตำแหน่ง), ตําแหน่งขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายมอญ เช่น สมิงพระราม ในเรื่องราชาธิราช

สมิงมิ่งชาย, ชายชาติทหาร

สมิงทอง, ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง

เขาสมิง, อำเภอในจังหวัดตราด

สมิง เกียรติเพชร, นักกีฬาชาวไทย

ภูสมิง หน่อสวรรค์, นักดนตรีชาวไทย

สมิงบ้านไร่, ภาพยนตร์ไทยเมื่อ พ.ศ. 2507


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้