เสียงเรียกยามค่ำคืน







เสียงเรียกยามค่ำคืน

สำหรับบ้านในสมัยโบราณ ที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้สะดวกเหมือนในปัจจุบัน 
ค่ำลงต่างคนก็ต่างดับตะเกียงปิดฟงปิดไฟกันเลย คนโบราณจึงว่าว่า หากปิดบง 
ปิดบ้านแล้วมีเสียงคนมาร้องเรียก ให้เงียบเสีย เพราะนั่นเป็นเสียงของดวง 
วิญญาณ อาจจะมาหลอกมาหลอนก็เป็นได้ 
แต่หากมองกันให้ลึกลงไปอีก อาจเป็นการป้องกันขโมยมาเข้าบ้านใน 
ยามวิกาลก็เป็นได้ เพราะขโมยอาจมาหลายรูปแบบ บางคนก็ว่า หากมีเสียงเรียก 
แล้วยังขานรับ จะทำให้วิญญาณนั้นเข้ามาหรือเข้ามาในบ้านได้ 

“เวลากลางคืนได้ยินเสียงอะไรอย่าทัก หรือขานรับ ของ จะเข้าตัว”


คนในสมัยก่อนมีความเชื่อในเรื่องการศึกษาเล่าเรียนวิชา ไสยศาสตร์ คาถาอาคม โดยเมื่อถึงวัน
สำคัญตามความเชื่อของผู้ที่เรียน ก็จะมีการปล่อย “ของ” ซึ่งในที่นี้หมายถึง คาถาอาคม ผี หรือเวทมนตร์ต่าง ๆ ออกไปเพื่อทดลองวิชา และเมื่อของ ผี หรือเวทมนตร์ดังกล่าวไปถูกหรือกระทบกับสิ่งหนึ่งสิ่งใด จะเกิดเสียงดังเปรี้ยงปร้าง หากใครทัก ของนั้นจะเข้าตัวคนที่ร้องทัก ซงอาจเป็นตะปู หรือ หนังควายเข้าท้องทำให้เจ็บป่วยหรือตายได้

นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เล่ากันต่อมาว่า เวลาที่จะสร้างเมืองจะต้องมีเสาหลักเมืองอยู่สี่มุมเมือง ขุดหลุมขนาดคนลงไปได้ และมีไม้ซุงขนาดใหญ่ที่ใช้ทำเสาหลักเมืองวางอยู่ปากหลุม ทางราชการจะให้ทหารออกไปตามหมู่บ้านในคืนเดือนมืด แล้วตะโกนดังๆเป็นระยะๆว่า

                                                                อิน.. จัน.. มั่น.. คง.. 

ถ้าบังเอิญไปตรงกับชื่อใครและไม่ทันฟังให้ถนัดขานรับออกไป ทหารหลวงก็จะจับตัวผู้นั้นไป เมื่อครบทั้ง ๔ คนแล้วก็จะพาไปประจำหลุมทั้งสี่มุมเมืองและทำพิธีโดยปิดตาทั้งสองข้างบวงสรวงตามพิธีกรรม จากนั้นก็จะผลักคนโชคร้ายทั้ง ๔ ลงไปในหลุม ใช้ไม้ซุงกระแทกลงไปให้คนทั้ง๔ คนนั้นตายแล้วก็เอาดินกลบ จากนั้นทำพิธีบวงสรวงปลูกศาลคร่อมเสาหลักเมืองไว้ กลายเป็นผีเฝ้ามุมเมือง ฟังแล้วน่ากลัวมาก ดังนั้นในตอนกลางคืน หากมีใครมาเรียกหรือมีเสียงอะไรที่แปลกๆคนสมัยก่อนจะเงียบไม่ขานรับนอกจากจะแน่ใจว่าเป็นเสียงคนที่คุ้นเคยจึงจะขานรับ คนโบราณได้วางอุบายเล่าเรื่องต่างๆ เหล่านี้ไว้ให้กลัวเกรงเพื่อสั่งสอนหรือเตือนบุตรหลานของตนให้รู้จักระมัดระวังภัยอันตรายในยามค่ำคืนเพราะอาจมีคนมาลอบทำร้าย และขานเรียกเพื่อให้ถูกตัว นั่นเอง




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้