ตำนาน เขาเจ้าไหม
อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมจ.ตรัง |
เมื่อครั้งที่ โต๊ะฮ้าหวา (โต๊ะปังกะหวา) เป็นเจ้าเมืองปกครองอยู่ที่เกาะลิบงนั้น ที่บ้านทุ่งค่าย (ปัจจุบันเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ใกล้บ้านพระม่วง) ก็มี พระยางอกเขี้ยว เป็นเจ้าเมืองปกครองอยู่ ซึ่งเจ้าเมืองทั้งสองนี้เป็น สหายที่รักกันมาก
ต่อมาไม่นานก็มีนายสำเภาชาวจีน ชื่อ เจ้าไหม เดินเรือเข้ามาค้าขายกับเมืองทั้งสอง และเกิดชอบทำเล บริเวณฝั่งตรงข้ามกับเกาะลิบง (บ้านเจ้าไหมในปัจจุบัน) จึงได้ขออนุญาตต่อโต๊ะฮ้าหวา เจ้าเมืองลิบงตั้งบ้าน เรือนขึ้นสำหรับเป็นท่าเรือค้าขาย
ต่อมาเจ้าไหมได้เกิดความคิดที่จะเป็นใหญ่ในแถบนี้แต่เพียงผู้เดียว จึงได้ยุยงให้พระยางอกเขี้ยว เจ้าเมืองทุ่งค่ายเกลียดชังโต๊ะฮ้าหวา จนทำให้พระยางอกเขี้ยวเกิดความเข้าใจผิดกับโต๊ะฮ้าหวาตามคำยุยง ของเจ้าไหม
ในที่สุดพระยางอกเขี้ยวก็ได้ร่วมกันกับเจ้าไหมยกทัพเข้าทำสงครามกับโต๊ะฮ้าหวา สงครามผ่าน ไปนานแต่ไม่มีใครสามารถเอาแพ้ชนะกันได้ ข่าวสงครามนี้ทราบไปถึงโต๊ะละหมัย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่พระยางอกเขี้ยว และโต๊ะฮ้าหวา เคารพนับถือมาก ท่านจึงเดินทางมาเจรจาให้พระยางอกเขี้ยวยุติสงครามกับโต๊ะฮ้าหวา ทำให้เจ้าไหมเกิดความไม่พอใจ โต๊ะละหมัย เป็นอย่างมาก และประกาศไม่ยอมเลิกการสู้รบกับโต๊ะฮ้าหวา
การกระทำของเจ้าไหมครั้งนี้ทำให้โต๊ะละหมัยโกรธมาก จึงได้สาปให้เจ้าไหมกลายเป็นหิน ซึ่งต่อมาได้
ต่อมาไม่นานก็มีนายสำเภาชาวจีน ชื่อ เจ้าไหม เดินเรือเข้ามาค้าขายกับเมืองทั้งสอง และเกิดชอบทำเล บริเวณฝั่งตรงข้ามกับเกาะลิบง (บ้านเจ้าไหมในปัจจุบัน) จึงได้ขออนุญาตต่อโต๊ะฮ้าหวา เจ้าเมืองลิบงตั้งบ้าน เรือนขึ้นสำหรับเป็นท่าเรือค้าขาย
เรือสําเภาจีนโบราณที่ใช้งานได้จริงลําเดียวในโลก ออกแบบโดย อ.กนก ขาวมาล แห่งพิพิธภัณฑ์เรือไทย และ น.ท.ประสาร ขวัญโพชา ร.น. กรมอู่ทหารเรือ |
ต่อมาเจ้าไหมได้เกิดความคิดที่จะเป็นใหญ่ในแถบนี้แต่เพียงผู้เดียว จึงได้ยุยงให้พระยางอกเขี้ยว เจ้าเมืองทุ่งค่ายเกลียดชังโต๊ะฮ้าหวา จนทำให้พระยางอกเขี้ยวเกิดความเข้าใจผิดกับโต๊ะฮ้าหวาตามคำยุยง ของเจ้าไหม
ในที่สุดพระยางอกเขี้ยวก็ได้ร่วมกันกับเจ้าไหมยกทัพเข้าทำสงครามกับโต๊ะฮ้าหวา สงครามผ่าน ไปนานแต่ไม่มีใครสามารถเอาแพ้ชนะกันได้ ข่าวสงครามนี้ทราบไปถึงโต๊ะละหมัย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่พระยางอกเขี้ยว และโต๊ะฮ้าหวา เคารพนับถือมาก ท่านจึงเดินทางมาเจรจาให้พระยางอกเขี้ยวยุติสงครามกับโต๊ะฮ้าหวา ทำให้เจ้าไหมเกิดความไม่พอใจ โต๊ะละหมัย เป็นอย่างมาก และประกาศไม่ยอมเลิกการสู้รบกับโต๊ะฮ้าหวา
การกระทำของเจ้าไหมครั้งนี้ทำให้โต๊ะละหมัยโกรธมาก จึงได้สาปให้เจ้าไหมกลายเป็นหิน ซึ่งต่อมาได้
กลายเป็นภูเขาที่เรียกกันว่า "เขาเจ้าไหม" จนกระทั่งทุกวันนี้ เมื่อเจ้าไหมถูกสาปแล้วโต๊ะละหมัยก็ได้บัญชาให้โต๊ะฮ้าหวา กับพระยางอกเขี้ยวคืนดีกัน และยกให้โต๊ะฮ้าหวาเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว เมื่อมีบัญชาเช่นนั้นโต๊ะฮ้าหวาก็ได้ใช้เท้าถีบแสดงความเป็นเจ้าของแผ่นดิน ไว้บนผนังถ้ำที่เขาโต๊ะแหนะ ปัจจุบันรอยเท้ายังปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
คติและแนวคิด
๑. ตำนานเรื่องนี้เป็นตำนานเชิงประวัติศาสตร์ ที่มีเนื้อหาเกินความเป็นจริงอยู่บ้าง แต่แก่นของเรื่อง ได้ชี้ให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของเมืองบนเกาะลิบงในอดีต และเป็นเมืองที่มีการค้าขายกับชาวต่างชาติด้วย
๒. การไม่รู้จักบุญคุณคนทำให้เกิดความวิบัติได้ ดังตัวอย่างของชาวจีนเจ้าไหมที่มาอาศัยแผ่นดินเกาะลิบง แล้วยุยงให้สหายแตกแยก จนในที่สุดตนเองต้องถูกสาปเป็นหิน
ความคิดเห็น